วันอังคาร

มาดู 10 วิธีเก๋ๆ! ที่ช่วยลดความอ้วนแบบง่าย ๆ

วันนี้จะขอนำคุณผู้หญิง คนไหนก็อยากมีหุ่นดี ที่สำคัญหน้าท้องต้องแบนราบ เพราะเวลาจะใส่ชุดไหน จะได้มั่นใจว่าสวยชัวร์ ๆ (ไม่มีห่วงยางน้อย ๆ โผล่ออกมาโดยไม่ได้รับเชิญ อิอิ) และหากคุณคือคนที่ต้องการลดขนาดรอบเอว ลดความอ้วนและอยากมีหน้าท้องที่แบนราบเรามี 10 วิธีเก๋ๆ! ที่ช่วยลดพุงแบบง่าย ๆ


          1.บอกลาอาหารจังก์ฟู้ดส์ เพราะอาหารจังก์ฟู้ดส์เหล่านี้ มักมีทั้งน้ำตาล และไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น

          2.น้ำตาลคือจอมวายร้าย เพราะฉะนั้นเลือกทานอาหารประเภทซูการ์ฟรีซะ มันช่วยทำให้หน้าท้องของคุณลดลงได้

          3.หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งขัดขาว ขนมปังขัดขาว พาสต้า โดนัท เค้ก และบิสกิต เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณอ้วนขึ้น แถมยังส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารด้วย และยังทำให้เกิดไขมันเก็บสะสมในร่างกายอีกต่างหาก

          4.อย่ากินขนมตอนกลางคืน นั่นก็เพราะการรับประทานขนมตอนกลางคืน จะทำให้คุณไม่สามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ เพราะช่วงกลางคืนเราทานแล้วก็นอน แทบไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เผาผลาญพลังงานอีกแล้วนั่นเอง

          5.เปิดไฟนอน เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การนอนหลับในห้องที่เปิดไฟ จะมีช่วยลดความอยากอาหารได้มากกว่านอนในสภาพบรรยากาศมืด ๆ ซึ่งแน่นอนว่า มันเกี่ยวข้องกับขนาด "พุง" ของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย

          6.ออกกำลังกายลดความอ้วน คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก กำจัดพุง ก็คือ การออกกำลังกายนี่เอง เพราะมันจะช่วยเผาผลาญไขมัน และน้ำหนักให้คุณได้

          7.ดื่มชาเขียว วันละ 3-4 แก้ว เพราะมันจะช่วยให้การออกซิเดชั่นไขมันดีขึ้น เร่งอัตราการเผาผลาญในร่างกาย แถมยังสามารถลดคอเลสเตอรอลได้อีกต่างหาก

          8.เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวอุ่น ๆ รับรองว่าเวิร์ก

          9.อย่าปล่อยให้หิว เพราะหากยิ่งปล่อยให้หิว ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารจะยิ่งหลั่งออกมา และหากคุณกินตามใจฮอร์โมน น้ำหนักเพิ่มขึ้นแน่นอน

          10.ลดทานเค็ม นั่นก็เพราะการทานอาหารรสเค็มจัดเกินไปเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง กับความอ้วน และน้ำหนักในเด็กผู้หญิงเปลี่ยนแปลงได้
ที่มา kapook.com

วันจันทร์

คุณผู้หญิงทั้งหลายมาลดไขมันหน้าท้องกันเถอะ

การลดหน้าท้องสำหรับคุณผู้หญิงนั้น เป็นสิ่งที่ยากเอาการเลยทีเดียว แต่ก็มีวีธีที่สามารถทำได้โดยการออกกำลังกาย โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง เช่นการ sit up วิธีง่าย ๆ ก็คือให้อบอุ่นร่างกายก่อนเป็นเวลา 15 นาที อาจจะทำ ได้โดยการวิ่งเหยาะ ๆ หรือเดินเร็วจนเริ่มเหนื่อยนิด ๆ จากนั้นให้นอนหงายลงกับพื้น เอาสองมือประสานไว้ที่ ใต้ศรีษะแล้วยกตัวขึ้นมา 45 องศา ค้างไว้นิดหน่อย ( นับ 1 - 5 ในใจ ) แล้วค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนราบเหมือน เดิม ทำแบบนี้วันละ 10 ครั้ง จะช่วยได้

วิธีลดไขมันหน้าท้อง

ปัญหาของไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงอย่าง เรา  จะสวมใส่เสื้อผ้าที่ ต้องเลือกแล้วเลือกอีกกว่าจะพรางบริเวณนั้นได้   ช่างเป็นอะไรที่ทรมานจิตใจที่สุดจะไปไหนมาไหนต้องเสียเวลากับเรื่องนี้ เรื่องเดียว แต่อย่าเพิ่งกังวลใจเรามีวิธีลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องมาแนะนำยังไงก็ ลองทำดูนะคะ

1.วิธีการรับประทานอาหารควรเคี้ยวให้ช้า ๆ และค่อย ๆ กลืน  การเคี้ยวอาหารอย่างช้าเป็นการช่วยให้ระบบย่อยอาหารไม่มีปัญหา และการกลืนต้องระวังเรื่องอากาศถ้าเข้าท้องมาก ๆ ท้องคุณอาจบวมได้คะ

2.วิธี ดื่มน้ำไม่ควรดื่มน้ำไปทานอาหารไป  จะทำให้อาหารที่อยู่ในกระเพาะคุอยู่นานขึ้น  การดื่มน้ำควรจะดื่มก่อนหรือหลังสัก 30 นาทีจะมีผลดีกว่าคะ

3.วิธี การกดเส้น  ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยลดอาการบวมหรือการกระตุ้นการย่อยอาหารได้  คุณใช้ปลายนิ้วกดลงที่ใต้เข่าบริเวณหน้าแข้งกดไว้สักประมาณ 1 นาที แล้วค่อย ๆ ปล่อยมือออกจะช่วยได้มาก

4.วิธีเติมน้ำมะนาวลงในเครื่องดื่ม  น้ำมะนาวจะช่วยให้อาหารเคลื่อนผ่านระบบในร่างกายของคุณเป็นอย่างดีและถูกต้อง

5.วิธี แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ คุณหาน้ำว่านหางจระเข้มาดื่มสักแก้ว จะช่วยให้กระเพาะอาหารของคุณดีขึ้นและรู้สึกหายจากอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ มากคะ

หุ่นสวยด้วย 6 ความลับที่ช่วยให้คุณผู้หญิงมีรูปร่างดี

หุ่นสวยด้วย 6 ความลับที่ช่วยให้คุณผู้หญิงมีรูปร่างดีไม่ว่าคุณผู้หญิง คนไหนก็อยากมีหุ่นสวยและมีสุขภาพดีแทบทั้งนั้น แต่กว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้นี่สิ สารพัดเคล็ดลับที่ขุดออกมาใช้ก็ยังไม่ได้ผลเสียที เอ...หรือว่าจริง ๆ แล้ว คุณผู้หญิง กำลังบริหารรูปร่างของตัวเองผิดวิธีหรือเปล่านะ วันนี้เราจึงมี 6 เคล็ดลับเกี่ยวกับการบริหารรูปร่างให้ฟิตแอนด์เฟิร์มมาบอกกัน

 1.หยุดขี้เกียจ ไปออกกำลังกายซะ

          ความเบื่อและขี้เกียจไปออกกำลังกายเป็นอุปสรรคใหญ่ในการมีรูปร่างที่สวยงาม แม้ว่าคุณจะทานอาหารที่เปี่ยมไปด้วยประโยชน์ หรือหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง แต่หากคุณไม่คิดถึงการออกกำลังกายเลย รับรองว่าทั้งต้นแขน หน้าท้อง สะโพก รวมทั้งต้นขาของคุณไม่มีทางแบนราบได้แน่ ๆ ค่ะ ส่วนการใช้ยาลดความอ้วน หรืออาหารเสริมนั้น ก็ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ในช่วงสั้น ๆ เท่านั้น แถมยังทิ้งผลข้างเคียงไว้ในระยะยาวอีกต่างหาก

          พูดมาเสียขนาดนี้ ก็คงต้องหันไปคิดเรื่องการออกกำลังกายบ้างแล้วล่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปเข้าฟิตเนสเป็นชั่วโมง ๆ หรอก แค่เจียดเวลาสัก 10-30 นาที มาออกกำลังกายก็ช่วยได้แล้ว หรือจะเลือกวิธีออกกำลังกายง่าย ๆ อย่างเช่น การเดิน แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มระยะทางขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็จะช่วยให้คุณใช้พลังงานได้มากขึ้น และไขมันก็จะถูกเบิร์นออกไปได้ด้วย

          และสำหรับสาวทำงานที่มักบ่นว่าไม่มีเวลา เราขอแนะนำให้คุณหาเวลาสัก 10 นาที ลุกขึ้นมาเดินเล่นหลังรับประทานอาหารกลางวันบ้าง ดีกว่ากลับไปนั่งเฉย ๆ ที่โต๊ะทำงาน รู้ไหมคะว่า การเดินวันละ 10,000 ก้าว (เทียบได้กับการเดินเร็ว ๆ ประมาณ 20 นาที) จะช่วยให้คุณใช้พลังงานไปมากกว่า 500 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว ว้าว! ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ

 2.ห้ามอด!!! ต้องทานให้ครบ 3 มื้อ

          หลายคนเข้าใจว่า การไดเอทแบบอดอาหารจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว และส่วนใหญ่สาว ๆ มักจะอดอาหารมื้อเช้าเสียด้วย โดยให้เหตุผลว่า "ไม่มีเวลาทาน" หรือไม่ก็คิดว่า "เดี๋ยวก็ทานมื้อเที่ยงแล้ว" ทำให้สาว ๆ หลายคนยอมอด แล้วปล่อยให้ท้องหิวจนลืมตัวส่งผลให้ทานอาหารมากกว่าปกติในมื้อต่อไป ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกขี้เกียจ และง่วงนอนในตอนบ่ายไปเสียอีก

          วิธีนี้ไม่ดีต่อการรักษาหุ่นสวยของคุณสาว ๆ แน่นอนค่ะ เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณได้ทานอาหารหลังจากอดมื้อใดมื้อหนึ่งมา ร่างกายของคุณจะยิ่งสั่งให้คุณทานเข้าไปเรื่อย ๆ เพื่อชดเชยสารอาหารที่เสียไป และเก็บพลังงานสะสมไว้มากเท่าที่จะมากได้ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยิ่งคุณอดก็จะยิ่งทำให้คุณอ้วนขึ้นง่ายกว่าเดิมเสียอีก

          เช่นนั้นแล้ว วิธีที่ดีที่สุดเลยก็คือ ควรทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อค่ะ แต่อาจลดปริมาณลง หรือแบ่งส่วนเล็ก ๆ ไว้ทานระหว่างวันทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง โดยเลือกอาหารจำพวก โยเกิร์ตไขมันต่ำ ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยเกินไปนั่นเอง

 3.ออกกำลังกายเฉพาะส่วน ไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด

          เชื่อเถอะว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีปัญหาที่ต้นขา หน้าท้อง สะโพก และต้นขาเหมือน ๆ กัน โดยเฉพาะสาวออฟฟิศที่พบได้บ่อยกว่าเพื่อน เพราะแทบไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายนั่นเอง ฉะนั้นแล้ว การออกกำลังกายเฉพาะส่วนก็มักเป็นวิธีที่สาว ๆ เลือกบริหารเพื่อช่วยให้ร่างกายบริเวณนั้นฟิตแอนด์เฟิร์มมากขึ้น

          แต่รู้ไหมว่า การที่เราออกกำลังกายแบบโฟกัสเฉพาะส่วน ไม่ว่าจะเป็นการซิทอัพเพื่อลดหน้าท้อง หรือการเล่นสควอชเพื่อให้ต้นขาเฟิร์ม อาจจะไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะเบิร์นไขมันส่วนเกิน และทำให้รูปร่างคุณดีขึ้น เนื่องจากการที่จะกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปนั้นจำเป็นต้องออกกำลังกายประเภท ที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้หัวใจ และออกกำลังกายในทุก ๆ ส่วนร่วมกับการควบคุมอาหาร

          ดังนั้น ใครที่มุ่งเน้นการออกกำลังกายแบบเฉพาะส่วนแล้วรู้สึกว่าไม่ได้ผลดังใจ เราขอแนะนำให้คุณหาเวลามาออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และให้ออกกำลังกายเฉพาะส่วนแบบที่คุณถนัดสักครึ่งชั่วโมงเป็นเวลา 2 ครั้งต่อสัปดาห์

 4.เบิร์นแคลอรีง่าย ๆ แค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง

          "ไม่มีเวลาออกกำลังกาย" เป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่คนมักอ้างเวลาขี้เกียจ แต่ความจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายหลายชั่วโมงก็ออกกำลังกายได้ เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นก็เพียงพอที่จะกำจัดแคลอรีส่วนเกินออกไปได้แล้วล่ะค่ะ โดยคุณอาจแบ่งช่วงเวลาออกกำลังกายออกเป็น 2-3 ครั้งในหนึ่งวัน แต่รวมกันให้ได้สัก 30 นาที ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วล่ะ

          ยกตัวอย่าง คุณอาจวิ่งขึ้นลงบันได หรือกระโดดเชือกหลังจากตื่นนอน สัก 15 นาที เมื่อไปทำงาน หลังทานอาหารเที่ยง คุณก็อาจจะลุกขึ้นมาเดินเล่นสัก 15 นาที หรือจะเลือกเต้นแอโรบิก, แอโรบ็อกซิ่ง สัก 15 นาที หรือกระทั่งเหงื่อออกก็ยังไหว แค่นี้คุณก็ออกกำลังกายได้วันละ 45 นาทีเข้าไปแล้วนะ ถ้าคุณทำแบบนี้ได้สัปดาห์ละ 5 ครั้ง ร่วมกับการควบคุมอาหาร รับรองว่า ภายใน 2 เดือน คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวเองแน่ ๆ ขอบอก

 5.ออกกำลังกายให้หนักขึ้น

          สำหรับคนที่ห่างหายจากการออกกำลังกายมานานเหลือเกิน เมื่อถึงเวลาที่คุณจะกลับไปออกกำลังกายอีกครั้ง คงจะรู้สึกเหนื่อยไวขึ้น แต่หลังจากออกกำลังกายได้ระยะหนึ่งแล้ว ร่างกายของคุณจะเริ่มคุ้นเคยมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานของหัวใจและปอดดีขึ้นไปด้วย

          เช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้น เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น และกระตุ้นให้แคลอรีถูกกำจัดออกไปให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ได้หมายถึงให้คุณออกกำลังกายมากเกินไปทีเดียวนะคะ ควรเพิ่มปริมาณการออกกำลังกายทีละเล็กน้อย เช่น เพิ่มเวลา เพิ่มระยะทาง ตั้งเป้าให้สูงขึ้น แล้วค่อย ๆ ทำอย่างระมัดระวัง เพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ระหว่าง 120-150 ครั้งต่อนาทีเป็นเวลาต่อเนื่องประมาณ 20 นาที จะช่วยให้คุณแข็งแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

 6.ระวังอาการบาดเจ็บ

          อาการบาดเจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ทุก ๆ ที่ และทุกเวลา โดยเฉพาะเมื่อคุณออกกำลังกาย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณบาดเจ็บอาจมาจากการใช้กล้ามเนื้อมากเกินไปนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว ก่อนที่จะออกกำลังกายทุกครั้ง ก็ควรยืดกล้ามเนื้อเสียก่อน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม และช่วยให้ร่างกายยืดหยุ่นมากขึ้น แถมยังช่วยลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย

          นอกจากนี้ สิ่งที่ไม่ควรลืมก็คือ ควรประเมินขีดจำกัดของร่างกายตัวเองไว้ด้วยค่ะ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกเหนื่อยมาก จนเจ็บ-ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง นั่นเป็นสัญญาณว่าคุณควรหยุดทันที หากยังฝืนออกกำลังกายต่อไป อาจจะยิ่งทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้น เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเอ็นอักเสบ หรือขาดได้เลยทีเดียว

          สำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ควรเปลี่ยนไปออกกำลังกายในรูปแบบอื่น ๆ ให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายประเภทเดียวกันซ้ำ ๆ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณวิ่งออกกำลังกายมาตลอด ก็ควรเปลี่ยนไปเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายอย่างอื่นบ้าง เพราะการวิ่งจะช่วยบริหารเฉพาะกล้ามเนื้อขาเท่านั้น แต่ควรหันไปบริหารกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงในร่างกายมากขึ้นด้วยค่ะ

 4 ความลับเอาชนะการออกกำลังกาย

           เลือกกิจกรรมออกกำลังกายที่คุณชอบ จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกเบื่อ หรือสูญเสียความตั้งใจ และเลือกการออกกำลังกายที่หลากหลาย เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ฟิต

           เป็นเทรนเนอร์ให้ตัวเอง เพราะคุณคือคนที่รู้จักร่างกายของตัวเองได้ดีที่สุด ฉะนั้น จัดเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมให้ตัวเองได้เลย

           เลือกออกกำลังกายในเวลาที่คุณสะดวกที่สุด และทำเป็นประจำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปาดห์ หรือสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง

           จำไว้ว่า การออกกำลังกายหนัก ๆ เร่ง ๆ ในเวลาสั้น ๆ ไม่ได้ให้ผลดีไปกว่าการออกกำลังกายแบบธรรมดา ๆ แต่ต่อเนื่อง

วันเสาร์

มากระตุ้น... ระบบเผาผลาญในร่างกายให้ลดน้ำหนักได้ดีกันเถอะ

วันนี้ขอนำวิธีการ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ที่ดีที่สุดคือร่างกายของเราต้องมีระบบเผาผลาญมากยิ่งขึ้น เพราะนี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้น้ำหนักในตัวคุณลดลงได้อย่างใจ ที่ต้องการ แต่น้อยคนนักที่จะเป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้นเราจึงมีวิธีสร้างระบบเผาผลาญในร่างกายมาฝากคุณผู้หญิงค่ะ


  ออกกำลังกาย

          เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยการเผาผลาญอย่างได้ผลเยี่ยมอาหารที่คุณกินเข้าไปจะกลายไปเป็นพลังงาน ที่ร่างกายนำไปใช้ในการทำหน้าที่ต่าง ๆ ยิ่งคุณออกกำลังกายบ่อยครั้งมากเท่าไหร่ ระบบการเผาผลาญของคุณก็จะยิ่งทำงานได้รวดเร็วและดีมากขึ้นตามไปด้วย

  เพิ่มรสชาติให้ร่างกายด้วยการทานของเผ็ด

          เติมพริกสดหรือพริกไทยลงในอาหารไม่ว่าจะผัดหรือทอด เพราะเครื่องปรุงรสเผ็ดเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างพลังงานการเผาผลาญ สารที่พบในพริกไทยช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลินซึ่งเร่งระบบ เมตาบอลิซึมให้ทำงานเร็วขึ้น และปริมาณแคลอรีก็จะถูกเผาผลาญเพิ่มมากขึ้น


  เสริมสร้างต่อมไทรอยด์

          วิธีทำให้ต่อมไทรอยด์แข็งแรงคือทานอาหารที่มีไอโอดีนสูง เช่น ปลา ธัญพืช นม ลดอาหารที่มีสารกอยโทรเจน ซึ่งมีผลเสียต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะอาหารจำพวกกะหล่ำปลี หัวผักกาด จะมีสารดังกล่าวอยู่มาก ควรรับประทานอาหารเสริมที่มีวิตามินบีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อต่อมไทรอยด์


  เลือกดื่มคาเฟอีน

          การดื่มเครื่องดื่มที่ปริมาณคาเฟอีนเล็กน้อยก่อนออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้น การทำงานของระบบเมตาบอลิซึมให้มีประสิทธิภาพดี โดยเฉพาะชาเขียวถือว่าเป็นเครื่องดื่มชั้นยอดที่มีสารเคทซินโพลีฟีนอลล์ ซึ่งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรี

  หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง

          หลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตขัดขาวจำพวกแป้งอย่างขนมปังและอาหารที่มีน้ำตาล เพราะอาหารเหล่านี้ให้พลังงานที่จะเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลในร่างกาย ซึ่งทำให้ร่างกายเกิดความเฉื่อยชา ผลคือคุณพอใจที่จะนั่งจุ้มปุ๊กกินขนมอยู่บนโซฟามากกว่าจะลุกขึ้นไปออกกำลัง กาย

  แบ่งมื้ออาหารหลาย ๆ มื้อ

          การทานอาหารมื้อละน้อย ๆ แต่ทานถี่ ๆ วันละ 5-6 มื้อ จะช่วยให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานได้อย่างต่อเนื่องซึ่งดีกว่าการทิ้งช่วง ระยะเวลาทานอาหารแต่ละมื้อให้ห่างกัน และเพื่อให้ระบบเผาผลาญของคุณมีประสิทธิภาพต้องแน่ใจว่าอาหารทุกมื้อที่ทาน ประกอบด้วยสารอาหารประเภทโปรตีน และสารอาหารที่มีกากใยอาหาร


          ดื่ม น้ำสะอาดดีที่สุดระบบย่อยอาหารต้องอาศัย น้ำช่วยในการลำเลียงอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร ที่สำคัญน้ำทำให้คุณรู้สึกอิ่ม จึงรับประทานอาหารได้น้อยลง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

6 เหตุผลที่คุณผู้หญิง ทุกคนควรแต่งหน้า

ผู้หญิงกับ เรื่องความสวยความงามนั้นเป็นสิ่งที่คู่กันมาตั้งแต่เกิด วิถีชีวิตของผู้หญิง รักสวยรักงามหลาย ๆคน จึงเกี่ยวพันกับเครื่องสำอางมากมายชนิดที่เรียกว่าสนิทแนบแน่นจนขาดไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ยังมีผู้หญิง อีกหลายต่อหลายคนที่ไม่สนใจที่จะแตะต้องเครื่องสำอางเลย ไม่ว่าจะด้วยความขี้เกียจเอย แต่งหน้าไม่เป็นบ้างเอย แหม่ ฟังแล้วก็เสียดายแทนมาก ๆ เลยล่ะ เกิดเป็นผู้หญิงทั้งที ต้องอย่าหยุดสวย  เราจะชวนผู้หญิงที่ไม่ใส่ใจความสวยความงามของตัวเอง มาแต่งหน้ากันดีกว่าค่ะ เพราะการแต่งหน้านั้นให้อะไรได้มากกว่าความสวยความงามเยอะจริง ๆ เอ้า.. เดี๋ยวจะหาว่าโม้ ไปดูกันเลยดีกว่าว่าการแต่งหน้านั้นให้อะไรกับคุณผู้หญิงบ้าง

          1. สวย ง่าย ๆ สั้น ๆ แต่การันตีว่าจริงยิ่งกว่าจริง เพราะเพียงแค่คุณมีเครื่องสำอางซักชนิดบนใบหน้าไม่ว่าจะเอาไปแต่งแต้มส่วน ไหน มันจะทำให้ใบหน้าโทรม ๆ จืด ๆ ของคุณค่อย ๆ ดูดี มีชีวิตชีวาขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และยิ่งสาว ๆ คนไหนพร้อมจะเมคอัพ "จัดเต็ม" นี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันจะเปลี่ยนคุณเป็นคนละคนเลยล่ะ

          2. เครื่องสำอางนั้นช่วยปกป้องผิวพรรณจากแสงแดดและมลภาวะ ไม่ว่าคุณจะใช้แค่ครีมรองพื้นบาง ๆ หรือครีมบำรุงผิวทาลงไปแค่ชั้นเดียวบนใบหน้า ตามด้วยแป้งอีกเล็กน้อย ผิวคุณจะมีเกราะป้องกันที่ช่วยกรองแสงแดดและมลภาวะแล้วค่ะ แม้จะบางเบาก็ตาม

          3. เครื่องสำอางสามารถเนรมิตความเนียนบนใบหน้าได้ง่ายและรวดเร็ว สาว ๆ หลายคนพอพูดถึงการแต่งหน้ามักจะคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ใช้เวลานาน แต่อยากจะบอกว่าการทำให้ใบหน้าเนียนสวยมีสีสันนิดหน่อยนั้นไม่ได้ใช้เวลานาน เลยค่ะ เพียงแค่สาว ๆ แตะรองพื้น ลงแป้งบาง ๆ ปัดบลัชออน ทาลิปสติก เขียนคิ้วนิดหน่อย ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที คอนเฟิร์มจ้า

          4. สนุกสนาน เพราะ การแต่งหน้านั้นสามารถทำได้หลากหลายสีสัน หลายรูปแบบ จึงไม่แปลกที่สาว ๆ จะรู้สึกสนุกสนานกับการแต่งหน้าในแต่ละวัน เปลี่ยนลุคของตัวเองหลังจากแต่งหน้าทุกครั้ง ยิ่งถ้ามีของเล่นอื่น ๆ อย่างเกล็ดเพชร สีเพ้นท์ต่าง ๆ ที่จะแต่งหน้าไปงานโอกาสต่าง ๆ ขอบอกว่าสนุกใหญ่เลยล่ะ

          5. คลายเครียด ในช่วงเวลาที่สาว ๆ รู้สึกเบื่อหรือเซ็ง หรืออยู่ระหว่างรอใครบางคนอยู่ การแต่งหน้าถือเป็นกิจกรรมแก้เครียดที่ทำให้ลืมเรื่องราวหลาย ๆ อย่างไปได้ช่วงหนึ่งเลยทีเดียวล่ะ ก็แหงล่ะ เพราะเวลาที่สาว ๆ แต่งหน้า สมาธิและความสนใจทั้งหมดก็เทลงมาอยู่ที่หน้าตาที่สะสวยของตัวเองนี่นา

          6. หน้าสะอาดใสหมดจดขึ้น ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสาว ๆ ที่แต่งหน้าหลายคนมักจะมีใบหน้าที่สะอาดใสกว่าสาว ๆ ที่ไม่แต่งหน้า นั่นเพราะว่าสาว ๆ ที่แต่งหน้ามักจะกังวลถึงความสะอาดหมดจดของใบหน้าก่อนนอนมากกว่าสาว ๆ ที่ไม่แต่งหน้าเสมอ เพราะกลัวสิวจะขึ้นจากเครื่องสำอางตกค้างบ้างล่ะ ความมันอุดตันบ้างล่ะ ก็พูดง่าย ๆ เลยว่า ถ้าสาว ๆ ได้แต่งหน้าแล้ว เมคอัพบนใบหน้าจะบังคับให้สาว ๆ ได้ทำความสะอาดผิวหน้ากันอย่างละเอียดอ่อนมากขึ้นค่ะ